กฎกติกาต่างๆ

   
The Mask Singer หน้ากากนักร้อง หรือ  เดอะแมสก์ซิงเกอร์ หน้ากากนักร้องเป็นรายการโทรทัศน์ประเภทเรียลลิตี้เกมโชว์และมิวสิกโชว์  โดยซื้อลิขสิทธิ์รูปแบบรายการ
"Miseuteori Eumaksyo Bokmyeon-gawang" (เกาหลี: 미스터리 음악쇼 복면가왕) (อังกฤษ: Mystery Music Show: King of Mask Singer) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการ "Ilbam" (เกาหลี: 일밤) (อังกฤษ: Sunday Night) ที่ เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท Munhwa Broadcasting Corporation (MBC) จากประเทศเกาหลีใต้ นำมาทำเป็นรูปแบบรายการของประเทศไทย ผลิตรายการโดยบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เริ่มออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559 แล้วออกอากาศอยู่จนถึงปัจจุบัน ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00 - 21.45 น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์ (โทรทัศน์ระบบดิจิตอลหมายเลข 23)
ดำเนินรายการโดย กันต์ กันตถาวร(พิธีกร) โดยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ทางสถานีได้นำรายการกลับมาออกอากาศอีกครั้งโดยเป็นการรีรันเฉพาะตอนแรกตอนเดียวก่อนอีกหนึ่งครั้ง เนื่องมาจากการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จึงทำให้รายการต้องงดออกอากาศตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ดังนั้นรายการจึงเริ่มนับการออกอากาศตอนที่ 1 ใหม่ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 และตอนถัดไปในแต่ละสัปดาห์เป็นปกติ

งานสร้าง
ทางสถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ ได้ซื้อลิขสิทธิ์ รายการ Let Me In และ I Can See Your Voice จากเกาหลี มีการแนะนำว่าอีกรายการที่สนุกคือ  The Mask Singer แต่ยังไม่ได้ซื้อแต่แรก จนเมื่อทางจีนซื้อลิขสิทธิ์ และผลิตงานที่ใหญ่กว่า จึงตัดสินใจซื้อ
หน้ากากที่ใส่ในรายการ ใช้เวลาทำครึ่งปี แต่ละหน้ากากจะเกี่ยวกับผู้เข้าแข่งขันนิดหนึ่ง เป็นการใบ้เล็กน้อย และที่แตกต่าง คือของเกาหลีกับจีนจะเป็นแค่หน้ากาก แต่ของประเทศไทยเป็นทั้งชุดและหน้ากากเพื่อใช้ชุดพรางรูปร่าง ในส่วนของชุดและหน้ากากใช้ดีไซเนอร์นับสิบมาร่วมกันออกแบบ
วิธีการเลือกผู้เข้าแข่งขัน อันดับแรก ผู้เข้าแข่งขันที่เลือกต้องร้องเพลงได้ อันดับที่สองคือ เลือกคนดังจากหลากหลายวงการ เพราะถ้าเป็นนักร้องอย่างเดียวก็จะแคบไป ทายง่าย ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นนักร้อง อยากให้คนดูรู้สึกประหลาดใจว่าร้องเพลงได้ดีขนาดนี้ และการเลือกเพลง เลือกจากเพลงที่เขาไม่เคยร้อง เพลงที่ไม่ถนัด เพลงที่ไม่ใช่แนว เพื่อไม่ให้คนจับได้ ซึ่งนักร้องส่วนใหญ่จะมีเพลงที่อยากร้องอยู่แล้ว
ส่วนพิธีกรของรายการ กันต์ กันตถาวร ที่เลือกเพราะ มีความสด กระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น ทำการบ้านเยอะ และใช้วิธีการละครมาทำงานกับทีวีด้วย คือถ่ายเสร็จแล้วขอเช็กเทป ด้านกรรมการ ส่วนผสมระหว่างกูรู ผู้มีประสบการณ์จริง ๆ และคนที่สร้างสีสันให้รายการ สำหรับหนึ่ง จักรวาล ตำแหน่งเขาไม่เหมือนกับของเกาหลีหรือจีน เพราะเขาเป็นทั้งกรรมการและเล่นดนตรีด้วย

การรักษาความลับของรายการ เริ่มตั้งแต่การจอดรถ ผู้เข้าแข่งขันต้องเปลี่ยนรถ เพื่อไม่ให้ใครจำได้ ทีมงานก็ไปรับ เอาผ้าคลุมไว้แล้วเดินขึ้นไป ถ้าเป็นดาราที่มีผู้ติดตาม ผู้ติดตามก็ต้องใส่หน้ากาก แม้ในตอนซ้อม ก็มีการใช้เครื่องดัดแปลงเสียง ฝ่ายเวทีก็ไม่รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันนั้นเป็นใคร ส่วนคนที่รู้อย่างช่างแต่งหน้า คอสตูม คนดู กรรมการในสตูดิโอเวลาอัดล่วงหน้า มีการเซ็นสัญญาหมดเลย รวมแล้วประมาณ 500 กว่าคน การเก็บความลับยังรวมไปถึงห้องตัดต่อ ห้องมิกซ์เสียง ทั้งสองห้องต้องล็อกประตู

รูปแบบและกติกาของรายการ
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 32 คน 32 หน้ากาก 4 กลุ่มสาย (แรกเริ่มรายการได้แจ้งไว้ที่ 24 คน 24 หน้ากาก 3 กลุ่มสายและเพิ่มอีก 8 คนมาภายหลัง) ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงทั้งสิ้น จะต้องปกปิดตัวตนของพวกเขาภายใต้การ สวมใส่หน้ากากคนละ 1 รูปแบบ และเครื่องแต่งกายที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ ภายใต้ข้อสัญญาที่ทำไว้ร่วมกับทางรายการอย่างเข้มงวดในการเข้าร่วมการแข่งขันกับรายการ โดยจะต้องออกมาแข่งขันร้องเพลงภายใต้ตัวตนที่ปกปิดและซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากประจำตัวของแต่ละคน ซึ่งถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดชนะจากคะแนนเสียง (โหวต) ของกรรมการและผู้ชมในห้องส่งที่ใช้ในการตัดสิน จะได้ผ่านเข้าไปสู่ในรอบการแข่งขันถัดไป ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่แพ้ จะต้องยินยอมเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากออกมา โดยจะทำการแข่งขันเช่นนี้จนได้ผู้ชนะของทั้ง 4 กลุ่มสุดท้าย จะต้องมาแข่งขันตัดสินกันเพื่อหา The Mask Singer คนแรกของประเทศไทย
                                   กติกา


การแบ่งกลุ่มการแข่งขัน
การแข่งขันของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 32 คน จะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม (กลุ่ม A, กลุ่ม B, กลุ่ม C และ กลุ่ม D) กลุ่มละ 8 คน ซึ่งจะถูกจับคู่ในการแข่งขัน 4 คู่ (คู่ละ 2 คน) โดยการออกอากาศในแต่ละครั้งจะแข่งขันกัน 2 คู่ ใน 1 กลุ่ม ซึ่งถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดชนะจะได้ผ่านเข้าไปสู่ในรอบการแข่งขันถัดไป โดยในรอบถัดไปนั้นจะทำการแข่งขันกัน 2 คู่ (คู่ละ 2 คน) หลังจากนั้นจะเป็นรอบตัดสินของแต่ละกลุ่ม โดยจะทำการแข่งขันกันเพียง 2 คน ที่เป็นผู้ชนะจากในรอบก่อนหน้า โดยในรอบนี้ถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดชนะ จะเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อมาแข่งขันกันในรอบสุดท้าย เพื่อหา The Mask Singer ซึ่งเป็นผู้ชนะเพียงคนเดียวและคนแรกของประเทศไทย

ลักษณะการแข่งขัน
รอบเปิดตัวผู้เข้าแข่งขัน
ทางรายการจะให้ชมวีทีอาร์ (VTR) เล่าถึงที่มาของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนก่อน (โดยให้ชมเพียง 2 คน ต่อ 1 รอบการแข่งขัน) ซึ่งในวีทีอาร์ผู้เข้าแข่งขันต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงตัวหน้ากากและเครื่องแต่งกายที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะด้วย ภายใต้ข้อสัญญาที่ทำไว้ร่วมกับทางรายการอย่างเข้มงวดในการเข้าร่วมการแข่งขันกับรายการ หลังจากนั้นจะเปิดตัวผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนในสภาพที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริงเช่นเดียวกัน ต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ชมในห้องส่งทั้ง 2 คน

รอบแข่งขันร้องเพลง
ผู้ดำเนินรายการจะแจ้งชื่อเพลงและศิลปินที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะใช้ในการแข่งขัน หลังจากนั้นผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะต้องแข่งกันร้องเพลงดังกล่าวจนจบเพลงทั้ง 2 คน แล้วจึงเริ่มทำการปรึกษา,วิเคราะห์ และทายตัวตนของผู้เข้าแข่งขันจากคณะกรรมการทั้ง 7 คน

รอบลงคะแนนเสียง
คณะกรรมการทั้ง 7 คน และผู้ชมในห้องส่งทั้ง 169 คน จะต้องทำการลงคะแนนเสียงให้กับผู้เข้าแข่งขันในรอบการแข่งขันนั้น ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น (จาก 2 คนที่มีให้เลือกต่อ 1 รอบการแข่งขัน) โดยผู้ชมในห้องส่งนั้นจะทำการลงคะแนนผ่านสมาร์ตโฟนจากผู้สนันสนุนของรายการ หลังจากนั้นทางรายการจะรวบรวมคะแนน แล้วประกาศผลการตัดสินหลังจากรอบซักถามเสร็จสิ้นลง โดยเกณฑ์การให้คะแนนมีดังนี้
คณะกรรมการ 7 คน  คนละ10 คะแนน รวม 70
ผู้ชมในห้องส่ง 169 คน คนละ 1 คะแนน รวม 169
รวมคะแนนทั้งหมด 239

รอบซักถาม(คำถาม)
คณะกรรมการทั้ง 7 คน และผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะ มีเวลาให้ 2 นาที ในการสนทนาหรือให้คณะกรรมการได้ถามต่อผู้เข้าแข่งขันคนนั้น ๆ เพียงคนเดียว หลังจากที่หมดเวลาไปแล้วคณะกรรมการจะต้องสนทนาหรือถามคำถามกับผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่งทันที โดยผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวห้ามแสดงกิริยา น้ำเสียง หรือบอกลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวตนที่แท้จริงเด็ดขาด แต่สามารถตอบโดยดัดแปลงเสียงพูดหรือกิริยาท่าทางให้ต่างจากที่ตัวของผู้เข้าแข่งขันเองคุ้นเคยได้ และในการถามของคณะกรรมการ ผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวสามารถตอบเรื่องจริงหรือพูดในเรื่องโกหกเพื่อหลอกคณะกรรมการได้เช่นกัน

รอบตัดสิน
ผู้ดำเนินรายการจะประกาศผลการตัดสินในการแข่งขันแต่ละรอบ ซึ่งถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดจาก 1 ใน 2 คน ได้คะแนนเสียงจากกรรมการและผู้ชมในห้องส่งที่มากกว่าผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่ง จะได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปสู่ในรอบการแข่งขันถัดไป โดยที่ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ในตอนนี้ ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่แพ้ จะต้องยินยอมเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากออกมา และจะมีการสนทนากับคณะกรรมการในภายหลัง เป็นอันสิ้นสุดการแข่งขันในหนึ่งรอบ

คณะกรรมการ
คณะกรรมการในรายการจะมีหน้าที่วิเคราะห์เทคนิคการร้องเพลงของผู้เข้าแข่งขัน ทายตัวตนที่แท้จริงของบุคคลแต่ละคนที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากที่ยังไม่มีใครทราบ จนกว่าจะถึงเวลาที่จะต้องเฉลยตัวตน และลงคะแนนเสียงให้กับนักร้องที่ซ่อนตัวตนอยู่ภายใต้หน้ากาก โดยคณะกรรมการจะมีทั้งหมด 7 คน (ต่อหนึ่งการออกอากาศ ในทุก ๆ ครั้ง) ประกอบไปด้วยกรรมการประจำรายการประมาณ 3 - 4 คน และกรรมการรับเชิญประมาณ 3 - 4 คน (ขึ้นอยู่กับการออกอากาศในแต่ละครั้ง) โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ที่มารับหน้าที่เป็นกรรมการตลอดในแต่ละครั้งที่ออกอากาศ แต่จะคงอยู่ในจำนวน 7

รางวัลที่ได้รับ
  • HOWE HOTTEST TV PROGRAM AWARD (รางวัลรายการยอดนิยมแห่งปี) จากงาน HOWE AWARDS 2016 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2560

  • MThai Top Talk-About TV Show ในฐานะที่เป็นรายการที่มีคนพูดถึงบนโลกออนไลน์มากที่สุดในขณะนี้ งานประกาศรางวัล MThai Top Talk-About 2017 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560




โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เก็บตก Episode 1 และความน่ารักตะมุตะมิของแต่ละหน้ากาก